หลายคนกังวลเมื่อมีคดีความต้องขึ้นศาล เพราะนอกจากความเครียดและเวลาแล้ว ค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายก็เป็นภาระสำคัญ บางคนจึงตั้งคำถามว่า “ถ้าไม่มีทนาย สามารถทำคดีเองได้ไหม?” บทความนี้จะอธิบายทุกมุมมองอย่างละเอียด
สารบัญ
-
ทำไมต้องมีทนาย
-
ทำคดี ไม่มีทนายได้ไหม
-
คดีแพ่ง ไม่มีเงินจ้างทนาย
-
คดีอาญา ไม่มีทนาย
-
ว่าความเอง ไม่มีทนาย
-
สรุป
ทำไมต้องมีทนาย
-
ไม่ได้เชี่ยวชาญกฎหมาย
แม้ว่าปัจจุบันการค้นหาข้อมูลกฎหมายจะง่ายขึ้น แต่กฎหมายยังคงซับซ้อน เต็มไปด้วยข้อยกเว้นและบทบัญญัติที่เกี่ยวโยงหลายมาตรา ตัวอย่างเช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วย “สัญญา” มีทั้งเรื่องการตีความสัญญา การบอกเลิกสัญญา และการชดใช้ค่าเสียหาย หากผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญอ้างอิงผิดมาตรา หรือไม่รู้ว่ามีข้อยกเว้นเพิ่มเติม อาจทำให้เสียสิทธิไปโดยไม่รู้ตัว การมีทนายจึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าเราดำเนินคดีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
-
ไม่รู้กระบวนการศาล
การพิจารณาคดีในศาลมักดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ใช้ศัพท์กฎหมายเฉพาะ เช่น “คัดค้านคำถามนำ” หรือ “คำแถลงปิดคดี” หากผู้ที่ไม่มีความรู้ไม่เข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ อาจทำให้หลุดประเด็นสำคัญจนส่งผลต่อผลคดีได้ ยกตัวอย่างเช่น หากจำเลยถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายและไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลา ศาลอาจพิพากษาโดยไม่ไต่สวน ซึ่งถือว่าฝ่ายที่ไม่มีทนายเสียเปรียบทันที
-
อีกฝ่ายมีทนาย
หากคู่ความอีกฝ่ายมีทนาย แต่เราไม่มี โอกาสที่จะเสียเปรียบย่อมสูง เพราะทนายสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายเต็มที่ ทั้งการยื่นคำร้องเพิ่มเติม การคัดค้านพยานหลักฐาน หรือการอ้างคำพิพากษาศาลฎีกามาประกอบ ขณะที่คนทั่วไปมักไม่รู้วิธีนำเสนอศาลให้มีน้ำหนักเพียงพอ
ตัวอย่าง เช่น ในคดีที่เกี่ยวกับสัญญากู้เงิน อีกฝ่ายมีทนายช่วยตรวจสอบเอกสารสัญญาและหาช่องโหว่กฎหมาย แต่ผู้ฟ้องเองไม่สามารถตอบโต้ได้ทันทีเพราะไม่รู้ขั้นตอนการคัดค้าน ศาลก็อาจตีความไปในทางที่เสียเปรียบได้
ทำคดี ไม่มีทนายได้ไหม
กฎหมาย ไม่ได้บังคับ ว่าทุกคดีต้องมีทนายความ เราสามารถยื่นฟ้อง ยื่นคำให้การ และว่าความเองได้ แต่ในทางปฏิบัติถือว่ายากมาก เพราะต้องรู้ทั้งการเขียนเอกสารศาล กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการพิจารณาคดี
โดยทั่วไปเอกสารที่เกี่ยวข้องกับศาล เช่น คำฟ้อง คำให้การ คำร้อง หรือคำแถลง ต้องมีรูปแบบที่ถูกต้องตามกฎหมายและใช้ถ้อยคำเฉพาะ หากจัดทำไม่ครบถ้วน ศาลอาจไม่รับไว้พิจารณา หรือทำให้เสียสิทธิในบางประเด็น ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการพิจารณาในศาลยังต้องอาศัยทักษะการซักถามพยาน การคัดค้านหลักฐาน และการอ้างข้อกฎหมาย ซึ่งคนทั่วไปอาจไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น ทนายเองเวลาเป็นคู่ความก็สามารถว่าความเองได้ ไม่จำเป็นต้องจ้างทนายคนอื่น เพราะมีความรู้และประสบการณ์ทางกฎหมาย แต่หากเป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านกฎหมาย โอกาสที่จะพลาดในขั้นตอนสำคัญมีสูงมาก เช่น การไม่คัดค้านพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจทำให้ศาลนำไปใช้วินิจฉัยและตัดสินคดีได้
ดังนั้น แม้จะทำคดีเองได้ตามสิทธิ แต่ในเชิงปฏิบัติ การมีทนายช่วยเหลือย่อมเพิ่มโอกาสในการต่อสู้คดีและปกป้องสิทธิของเราได้ดีกว่า
คดีแพ่ง ไม่มีเงินจ้างทนาย
คดีแพ่งเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวกับตำรวจ เช่น การผิดสัญญา เบี้ยวหนี้ หรือข้อพิพาททางการค้า หากมูลค่าไม่สูงมากและเราไม่อยากเสียค่าทนาย สามารถยื่นฟ้องศาลด้วยตนเองได้
ในกระบวนการคดีแพ่ง ศาลเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถ เขียนคำฟ้องและยื่นด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีทนายความ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือรูปแบบของคำฟ้อง ซึ่งต้องมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น ชื่อคู่ความ มูลเหตุแห่งคดี ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และคำขอให้ศาลตัดสิน หากจัดทำผิดพลาด ศาลอาจไม่รับฟ้องหรือทำให้คดีล่าช้าได้
ปัจจุบันศาลยังมีระบบ ยื่นฟ้องออนไลน์ เพิ่มความสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปที่ศาล แต่การยื่นผ่านระบบออนไลน์ก็ต้องใช้ความเข้าใจในเอกสารและข้อกฎหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้นก่อนทำควรปรึกษาทนายความเบื้องต้น แม้จะไม่ว่าจ้างเต็มรูปแบบ อย่างน้อยก็เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่เสียเปรียบในขั้นตอนสำคัญ
ทั้งนี้ หากไม่มีเงิน ศาลและสภาทนายความมีบริการ ทนายอาสา ที่ช่วยให้คำปรึกษาฟรี รวมถึงบางกรณีอาจช่วยดำเนินคดีแทน เช่น การให้คำปรึกษาก่อนยื่นฟ้อง การช่วยตรวจร่างคำฟ้อง หรือแม้แต่การเป็นทนายความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนที่ขาดโอกาสเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม
ตัวอย่าง หากผู้เสียหายถูกเบี้ยวหนี้จำนวน 50,000 บาท การจ้างทนายอาจไม่คุ้มค่าเพราะค่าทนายสูงกว่ามูลหนี้ การยื่นฟ้องเองหรือขอความช่วยเหลือจากทนายอาสาจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
คดีอาญา ไม่มีทนาย
คดีอาญาเป็นคดีที่มีโทษจำคุก การทำเอกสารฟ้องเองแทบเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่ทนาย เพราะมีขั้นตอนซับซ้อน
คดีอาญาแตกต่างจากคดีแพ่งตรงที่เกี่ยวข้องกับความผิดที่กระทบต่อสังคมและความสงบเรียบร้อยของประชาชน เช่น คดีลักทรัพย์ ฉ้อโกง ทำร้ายร่างกาย หรือคดียาเสพติด การดำเนินคดีอาญามีขั้นตอนเข้มงวด ตั้งแต่การสอบสวน การฟ้องร้อง ไปจนถึงการพิจารณาคดีในศาล การเขียนคำฟ้องหรือคำให้การต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด หากทำผิดพลาดอาจทำให้เสียสิทธิสำคัญได้
หากเราเป็น ผู้เสียหาย สามารถไปแจ้งความที่สถานีตำรวจได้ ตำรวจจะรวบรวมหลักฐานและส่งให้อัยการดำเนินคดีแทน โดยอัยการจะมีหน้าที่ฟ้องคดีและทำการว่าความในศาล ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือในเชิงกฎหมายโดยตรง ทำให้ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องจ้างทนายความเองก็ยังมีผู้ดำเนินคดีแทน
หากเราเป็น จำเลย ศาลจะจัดหาทนายความให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามหลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคดีอาญาอาจมีโทษร้ายแรงถึงขั้นจำคุก ศาลจึงต้องมั่นใจว่าจำเลยได้รับความยุติธรรมและไม่ถูกละเมิดสิทธิในการต่อสู้คดี
ดังนั้นในคดีอาญา ถึงแม้จะไม่มีทนายส่วนตัว ก็ยังมีอัยการหรือทนายอาสาช่วยเหลือ ระบบกฎหมายจึงออกแบบมาเพื่อคุ้มครองสิทธิของทั้งผู้เสียหายและจำเลย ไม่ให้ฝ่ายใดเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง
ตัวอย่าง เช่น หากมีการทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ผู้เสียหายเพียงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ตำรวจจะดำเนินการสอบสวนและส่งเรื่องให้อัยการ โดยอัยการจะเป็นผู้ยื่นฟ้องและดำเนินคดีในศาลให้เอง ขณะที่หากผู้ถูกกล่าวหาต้องขึ้นศาล ศาลก็จะจัดหาทนายให้ฟรีเพื่อให้ได้รับการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน
ว่าความเอง ไม่มีทนาย
แม้ไม่มีทนาย เราสามารถว่าความเองได้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เช่น
-
การถามพยานหรือซักค้านพยาน
-
การยื่นพยานหลักฐานประกอบต่อศาล
-
การโต้แย้งข้อกฎหมายด้วยตนเอง
การว่าความเองหมายถึงการทำหน้าที่แทนทนายในศาล ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามกับพยานฝ่ายตรงข้าม หรือการนำพยานบุคคลและพยานเอกสารเข้าสู่การพิจารณา เพื่อให้ศาลรับฟังและใช้ประกอบการตัดสินใจ กระบวนการเหล่านี้ไม่ง่ายเพราะต้องใช้ทักษะการตั้งคำถาม การวางลำดับพยาน และการอ้างอิงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากไม่เตรียมตัวอย่างรอบคอบ อาจถูกอีกฝ่ายคัดค้านหรือหักล้างได้
สิ่งสำคัญคือ ต้อง เตรียมหลักฐาน และ เตรียมคำถามให้รัดกุม ตัวอย่างเช่น หากเป็นคดีผิดสัญญาซื้อขาย เราต้องนำสัญญา ใบเสร็จ และพยานบุคคลมายืนยัน เพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงที่ชัดเจน การนำเสนอหลักฐานต้องเรียงลำดับและมีเหตุผล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ศาลมั่นใจว่าเรามีสิทธิจริง
แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่กฎหมายให้สิทธิเต็มที่ในการว่าความเอง โดยไม่มีการจำกัดสิทธิประชาชนในเรื่องนี้ เพียงแต่การว่าความเองอาจทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยง หากอีกฝ่ายมีทนายผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้น หากเลือกจะว่าความเอง ควรศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง เตรียมแผนการซักถาม และปรึกษาทนายเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่าเราไม่พลาดในจุดสำคัญ
สรุป
แม้ว่ากฎหมายจะไม่ได้บังคับว่าทุกคดีต้องมีทนาย แต่การมีทนายช่วยเพิ่มความรอบคอบและลดความเสี่ยงเสียสิทธิ การทำคดีเองสามารถทำได้ โดยเฉพาะคดีแพ่งที่มูลค่าไม่สูงมาก หรือกรณีคดีอาญาที่มีอัยการและทนายอาสาช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม หากคดีมีความซับซ้อนหรือมูลค่าสูง การจ้างทนายถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีโอกาสสำเร็จมากกว่า