ถอนผู้จัดการมรดก

ถอนผู้จัดการมรดก ทำอย่างไร ขั้นตอนและเงื่อนไขตามกฎหมายที่ต้องรู้

การถอนผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องที่หลายคนไม่รู้ว่าทำได้ และมักเกิดขึ้นหลังจากเกิดปัญหาผู้จัดการมรดกไม่ทำหน้าที่ หรือทำในสิ่งที่สร้างความเสียหายให้กับทายาทคนอื่นๆ บทความนี้จะอธิบายตั้งแต่เหตุผล กฎหมายที่เกี่ยวข้อง วิธีการยื่นถอน และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนลงมือ เพื่อให้เข้าใจภาพรวมอย่างชัดเจน

สารบัญเนื้อหา

เหตุผลในการถอนผู้จัดการมรดก

การตั้งผู้จัดการมรดกไม่ใช่เรื่องยาก หากมีเอกสารครบก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่ปัญหาส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อผู้จัดการมรดกไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ควร เช่น ละเลยการจัดการทรัพย์สิน ยักยอกเงิน หรือโกงญาติพี่น้องของตัวเอง กรณีแบบนี้ ทายาทคนอื่นมีสิทธิ์ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อขอ “ถอนผู้จัดการมรดก” ออกจากตำแหน่งได้

กฎหมายกำหนดชัดใน มาตรา 1727 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า

ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะร้องขอให้ศาลสั่งถอนผู้จัดการมรดก เพราะเหตุผู้จัดการมรดกละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุอย่างอื่นที่สมควรก็ได้ แต่ต้องร้องขอเสียก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้นลง

ตัวอย่างเช่น ทายาทคนหนึ่งตั้งพี่ชายเป็นผู้จัดการมรดก แต่หลังจากนั้นพี่ชายกลับไม่จัดแบ่งทรัพย์สินตามศาลสั่ง และนำเงินมรดกไปใช้ส่วนตัว กรณีนี้ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ศาลสามารถสั่งถอนได้ทันที

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า ผู้จัดการมรดกเป็นเพียง “ตัวแทน” ในการดูแลจัดการทรัพย์สินของกองมรดกเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินเอง และสามารถถูกถอนออกได้หากละเมิดความไว้วางใจดังกล่าว

ผู้จัดการมรดกไม่ทำหน้าที่

หนึ่งในเหตุผลหลักที่สามารถขอถอนผู้จัดการมรดกได้ คือการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น

  • ไม่ถอนเงินจากธนาคารเพื่อนำมาแบ่งให้ทายาท

  • ไม่ฟ้องลูกหนี้ของผู้ตายเพื่อเรียกคืนทรัพย์

  • ไม่จัดการแบ่งทรัพย์สินตามพินัยกรรม

ผู้จัดการมรดกถือเป็น “ตัวแทนของทายาททุกคน” ตามหลักกฎหมายแพ่งว่าด้วยตัวการตัวแทน (มาตรา 797–805) จึงต้องทำหน้าที่ด้วยความสุจริตและรอบคอบ หากละเลยโดยไม่มีเหตุผลสมควร ทายาทสามารถยื่นต่อศาลเพื่อขอถอนออกจากตำแหน่งได้

ตัวอย่างเช่น หากทายาทสั่งให้ผู้จัดการมรดกไปถอนเงินเพื่อจัดแบ่ง แต่ผู้จัดการมรดกไม่ดำเนินการโดยไม่มีเหตุผล ก็ถือเป็นการละเลยหน้าที่และสามารถยื่นถอนต่อศาลได้เช่นกัน

วิธีป้องกัน

ก่อนแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ควรเลือกบุคคลที่ทุกฝ่ายไว้ใจ เช่น ทนายความหรือบุคคลที่มีความโปร่งใส และควรระบุหน้าที่ให้ชัดเจนในพินัยกรรม เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

จัดการมรดกโกง หรือมีเหตุอย่างอื่นที่สมควร

อีกเหตุผลสำคัญคือ ผู้จัดการมรดกกระทำการทุจริต หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น โอนทรัพย์สินของผู้ตายเข้าบัญชีตนเอง ปลอมลายมือชื่อทายาท หรือปกปิดข้อมูลทรัพย์สินบางส่วนไม่ให้คนอื่นรู้

ศาลจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่า หากปล่อยให้ผู้จัดการมรดกดำรงตำแหน่งต่อไป จะก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ หากเห็นว่ามีมูล ศาลสามารถสั่งถอนออกได้ทันทีตาม “เหตุอันสมควร”

ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการมรดกขายรถยนต์ของผู้ตายโดยไม่แจ้งทายาท หรือปิดบัญชีธนาคารมรดกแล้วนำเงินไปใช้ส่วนตัว กรณีนี้เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ตาม มาตรา 352 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งนอกจากถูกถอนออกจากตำแหน่งแล้วยังอาจถูกดำเนินคดีอาญาด้วย

ข้อควรระวัง

ควรรวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เช่น สลิปโอนเงิน บันทึกการสื่อสาร หรือเอกสารโอนทรัพย์ เพื่อใช้ยื่นต่อศาลประกอบการร้องขอถอนผู้จัดการมรดก

ใครถอนผู้จัดการมรดกได้บ้าง

ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์ยื่นขอถอนผู้จัดการมรดก กฎหมายระบุว่าต้องเป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย” เท่านั้น เช่น

  • ทายาทที่มีสิทธิ์ได้รับมรดก

  • ผู้รับพินัยกรรม

  • เจ้าหนี้ของกองมรดก

คำว่า “ผู้มีส่วนได้เสีย” หมายถึงบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้จัดการมรดกโดยตรง เช่น ทรัพย์สินไม่ได้รับการแบ่งอย่างถูกต้อง หรือเสียสิทธิ์ในการรับมรดก

ตัวอย่างเช่น หากเจ้าหนี้ของผู้ตายถูกละเลยไม่ให้ชำระหนี้ หรือทายาทถูกโกงทรัพย์บางส่วน ก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอนผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งคนใหม่ได้

ถอนแล้วเราขอเป็นผู้จัดการมรดกเองได้ไหม

โดยทั่วไป เมื่อต้องการถอนผู้จัดการมรดก มักจะมีการยื่นคำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดกคนใหม่ในคราวเดียวกัน เพื่อไม่ให้ตำแหน่งว่างลง เพราะหากไม่มีผู้จัดการมรดก ทรัพย์สินของกองมรดกจะไม่สามารถจัดแบ่งหรือดำเนินการทางกฎหมายได้

ผู้ร้องสามารถเสนอชื่อตัวเองหรือบุคคลอื่นได้ แต่ศาลจะพิจารณาความเหมาะสมของผู้ที่ขอเข้ามาแทน เช่น ความน่าเชื่อถือ ความเป็นกลาง และความสัมพันธ์กับทายาทคนอื่น

ต้องถอนผู้จัดการมรดกตอนไหน

การถอนผู้จัดการมรดกไม่มีอายุความที่กำหนดแน่นอน แต่ต้อง “ถอนก่อนที่การปันมรดกเสร็จสิ้น” หากศาลได้สั่งแบ่งทรัพย์สินครบแล้ว ตำแหน่งผู้จัดการมรดกจะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น หากผู้ตายมีทรัพย์สิน 10 รายการ และผู้จัดการมรดกได้โอนครบแล้ว ก็ไม่สามารถยื่นถอนภายหลังได้ แต่ถ้ายังเหลือบางส่วน เช่น ที่ดินยังไม่ได้โอน หรือบัญชียังไม่ได้ปิด ก็สามารถยื่นถอนเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมได้

คำแนะนำ

เมื่อเริ่มสงสัยว่าผู้จัดการมรดกมีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ควรรีบตรวจสอบและดำเนินการยื่นถอนก่อนที่การแบ่งทรัพย์จะเสร็จสมบูรณ์

สรุปและข้อควรระวัง

การถอนผู้จัดการมรดกเป็นสิทธิ์ของผู้มีส่วนได้เสีย ที่ต้องการปกป้องกองมรดกจากการบริหารที่ไม่โปร่งใส ต้องแยกให้ออกว่า การถอนตำแหน่งเป็นเพียงการ “ยุติอำนาจ” ของผู้จัดการมรดก ไม่ใช่การลงโทษทางคดีอาญา หากมีการยักยอกหรือโกงทรัพย์ ต้องดำเนินคดีแยกต่างหาก

ก่อนดำเนินการ ควรปรึกษาทนายความเพื่อช่วยรวบรวมพยานหลักฐานและจัดทำคำร้องให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้จัดการมรดกยังไม่เสร็จสิ้นการแบ่งมรดก เพื่อให้การถอนมีผลบังคับตามกฎหมาย

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่

โทร

065 6060622

แชทไลน์

ID: @champlawfirm

ส่งเมล์

info@champlawfirm.co.th

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *